ทสนทในบนานี้ เราจะสร้างบทสนทนาที่น่าสนุกสำหรับเด็กอายุ 5-6 ปี โดยใช้ภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะการแชทกับสัตว์เลี้ยง ให้เด็กมีโอกาสเรียนรู้ภาษาอังกฤษและมีความสนุกในการสนทนากับสัตว์เลี้ยงด้วยกัน!
หนังสือ!
Once upon a time, in a cozy classroom filled with laughter and curiosity, there was a group of young children eager to learn about the beautiful world around them. They were on a magical journey through the seasons, exploring the wonders of each one.
In spring, the children discovered the vibrant colors of blooming flowers, from the delicate pink of cherry blossoms to the bright yellow of daffodils. They learned how the trees came to life after a long winter, their leaves unfurling in a dance of green. The air was filled with the sweet scent of flowers and the cheerful songs of birds returning from their winter vacation.
Summer arrived, and the children felt the warmth of the sun on their faces. They played in the park, splashing in the water, and built sandcastles on the beach. The sky was a canvas of deep blue, dotted with fluffy white clouds. The days were long, and the nights were filled with the twinkling lights of fireflies.
As autumn approached, the leaves began to change. The children watched in awe as the trees donned their colorful costumes, from golden yellow to fiery red and deep orange. They learned about the harvest, picking apples and pumpkins, and preparing for the upcoming holidays.
Winter came with its own charm. The children built snowmen and had snowball fights, their breath visible in the cold air. They learned about the beauty of snow-covered landscapes and the magic of Santa Claus, who would soon bring gifts to all the good boys and girls.
Throughout their journey, the children learned about the different seasons and the activities that accompany each one. They learned the names of the months, the days of the week, and the time of day. They counted the days and the stars, and they learned about the phases of the moon.
One day, the children found a hidden treasure map in their classroom. It led them to a secret garden where they discovered a magical tree that could grant one wish. The children wished for the ability to travel through time, so they could experience every season again and again.
And so, with a twinkle in their eyes and a smile on their faces, the children embarked on a new adventure, ready to explore the wonders of the world and learn even more about the beauty of the seasons.
หนังสือเรียน!
หนังสือเรียนเป็นสิ่งที่เราใช้เพื่อเรียนเรียกข้อมูลและเรียนรู้ต่างๆ มันมีหลายลักษณะและประเภท บางหนังสือเรียนมีภาพสวยงาม บางหนังสือมีเรื่องราวที่น่าสนใจ และบางหนังสือมีขอบเขตที่เรียนการแบบละเอียด แล้วนี้เป็นหนังสือเรียนที่เราจะใช้เพื่อเรียนภาษาอังกฤษด้วย
- หนังสือเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน
- มีภาพและเรื่องราวเพื่อช่วยเหลือเด็กเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
- มีบทสนทนาแบบสนุกสำหรับช่วยเปิดโอกาสให้เด็กพูดภาษาอังกฤษ
- หนังสือเรียนเกี่ยวกับสัตว์
- มีภาพสัตว์และคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับสัตว์
- มีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เพื่อช่วยเด็กจำคำศัพท์
- หนังสือเรียนเกี่ยวกับภาษาอังกฤษยอดศัพท์
- มีคำศัพท์ที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ
- มีกิจกรรมเพื่อช่วยเด็กจำคำศัพท์และใช้คำศัพท์เหล่านั้นในการสนทนา
- หนังสือเรียนเกี่ยวกับวิชาการเรียนภาษาอังกฤษ
- มีวิธีการเรียนภาษาอังกฤษที่ช่วยเหลือเด็กเรียนรู้เรียบร้อย
- มีขอบเขตที่เรียนการแบบละเอียดเพื่อช่วยเด็กติเตนิต
- หนังสือเรียนเกี่ยวกับเรื่องราว
- มีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเด็ก
- มีภาพและคำศัพท์ที่ช่วยเด็กจำคำศัพท์และเรียนรู้เรื่องราว
- หนังสือเรียนเกี่ยวกับวิชาการสร้างความเข้าใจ
- มีขอบเขตที่เรียนการเกี่ยวกับว
รายชื่อสิ่งต้องการ
-
รายชื่อสิ่งต้องการเป็นสิ่งที่เราจะใช้เพื่อจัดหาทุกอย่างที่เราต้องการสำหรับการซื้อของในร้านหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เราจะใช้ในตอนก่อนหรือตอนหลังการซื้อของ。
-
บัตรประชาชน (ID card) – สำหรับเช็คบัตรเลขที่หนังสือหรือสำหรับเช็คสถานะของบุคคลของเรา。
-
แฟ้มเงิน (money) – สำหรับจ่ายราคาหนังสือหรือสำหรับจ่ายในร้านหนังสือต่างๆ ที่ไม่ใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเดบต์。
-
กระเป๋าที่สะดวก (a bag) – สำหรับเก็บหนังสือที่เราซื้อไปและสิ่งต่างๆ อื่น ๆ ที่เราจะใช้ในการซื้อของของเรา。
-
ปากกา (a pen) – สำหรับเขียนหรือบันทึกข้อมูลที่เราจะต้องการเกี่ยวกับการซื้อของของเรา หรือสำหรับจัดหาหนังสือที่เราต้องการซื้อในอนาคต。
-
ปุ้มแบบ (notebook) – สำหรับบันทึกความคิดหรือบันทึกหนังสือที่เราอ่านได้จากหนังสือหรือบทความที่เราค้นหาได้จากหนังสือร้านหนังสือหรือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่เราซื้อไป。
-
แฟ้มแบบ (sheet) – สำหรับเขียนบันทึกหรือบันทึกข้อมูลที่เราจะต้องการ หรือสำหรับเขียนข้อมูลที่เราจะใช้ในการเรียนหรือฝึกสอบ。
-
แฟ้มแบบ (form) – สำหรับกรอกข้อมูลหรือสำหรับจัดการหนังสือหรือสิ่งที่เราจะซื้อไปจากร้านหนังสือหรือร้านอื่น ๆ ที่มีหนังสือขายออกมา。
-
แฟ้มแบบ (ticket) – สำหรับเช็คหนังสือหรือสำหรับเช็ครายการซื้อของของเรา หรือสำหรับเช็คสถานะของหนังสือที่เราซื้อไป。
-
แฟ้มแบบ (receipt) – สำหรับจัดเก็บรายการซื้อข
รายละเอียดการซื้อของ
- เริ่มต้น:
- อาจารย์: วันนี้เราจะไปซื้อของที่ร้าน! ก่อนที่เราจะเดินทางไปที่ร้าน คุณต้องจัดหาสิ่งต่างๆเพื่อการซื้อของของเราได้จริงๆนะ?
- เด็ก 1: แฟ้มเงิน!
- อาจารย์: ดีเด่น! แฟ้มเงินเป็นสิ่งแรกที่เราต้องจัดหาเพื่อการซื้อของครับ อีกสิ่งไหนที่เราต้องมีคือ…
- การจัดหาสิ่งต่างๆ:
- อาจารย์: กระเป๋าที่สะดวก! มันเป็นสิ่งที่จะช่วยเราเก็บของต่างๆที่เราซื้อมาที่ร้าน และอีกสิ่งที่เราต้องมีคือ…
- เด็ก 2: ปากกา!
- อาจารย์: ปากกา! มันเป็นสิ่งที่จะช่วยเราจดจำหรือเขียนบันทึกของสิ่งที่เราซื้อมาที่ร้าน และอีกสิ่งที่เราต้องมีคือ…
- รายชื่อสิ่งต้องการ:
- อาจารย์: บัตรประชาชน! มันเป็นสิ่งที่จะช่วยเราเปิดฉันทานหรือฉันทานหลังจากการซื้อของ และอีกสิ่งที่เราต้องมีคือ…
- เด็ก 3: สำหรับของที่เราจะซื้อ!
- อาจารย์: ดีเด่น! สำหรับของที่เราจะซื้อเป็นสิ่งที่จะช่วยเราจดจำว่าเราต้องซื้ออะไร
- การเดินทางไปที่ร้าน:
- อาจารย์: แล้วเราจะเดินทางไปที่ร้าน! คุณเห็นว่าเรากำลังเดินทางไปที่ไหนข้างนี้ไหม?
- เด็ก 4: ร้าน!
- การซื้อของ:
- อาจารย์: เมื่อเราถึงร้าน คุณจะพบกับหลายชิ้นของเท่ากันที่เราอาจจะซื้อ คุณจะซื้ออะไรแรกครับ?
- เด็ก 5: แฟ้มเงิน!
- การจ่ายเงินและลาครับ:
- อาจารย์: หลังจากที่คุณเลือกหนังสือที่ต้องการซื้อ
การประยุกต์ใช้คำศัพท์
- ในการพูดเรียกตัวเอง:
- “My name is John.”
- “I am eight years old.”
- ในการพูดเรียกบุคคลอื่น:
- “My brother is a teacher.”
- “My sister likes to read books.”
- ในการอธิบายสิ่งของ:
- “This is a book.”
- “That is a car.”
- ในการบอกเรื่องราว:
- “We went to the park yesterday.”
- “I saw a dog playing with a ball.”
- ในการบอกเกี่ยวกับสิ่งเรียง:
- “The sun is in the sky.”
- “The flowers are in the garden.”
- ในการบอกเกี่ยวกับการทำงาน:
- “I like to play with my friends.”
- “My mother cooks dinner for us.”
- ในการบอกเกี่ยวกับสถานที่:
- “The school is near our house.”
- “The library has many books.”
- ในการบอกเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น:
- “It is raining today.”
- “The sun is shining.”
- ในการบอกเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตามเวลา:
- “It is morning.”
- “It is evening.”
- ในการบอกเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตามวันที่:
- “Today is Monday.”
- “Tomorrow is Tuesday.”
- ในการบอกเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตามฤดูกาล:
- “In winter, it is cold.”
- “In summer, it is hot.”
- ในการบอกเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตามสภาพอากาศ:
- “The weather is sunny.”
- “The weather is cloudy.”
- ในการบอกเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตามเครื่องมือ:
- “I use a pencil to write.”
- “She uses a brush to paint.”
- ในการบอกเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตามอาหาร:
- “I like to eat fruit.”
- “She does not like to eat vegetables.”
- ในการบอกเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตามกีฬา:
- “I play soccer with my friends.”
- “She plays basketball with her sister.”
- ในการบอกเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตามการเดินทาง:
- “We go to school by bus.”
- “She goes to the market by car.”
- ในการบอกเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตามการทำงาน:
- “My father works in an office.”
- “My mother works in a hospital.”
- ในการบอกเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตามการเล่น:
- “We play games in the park.”
- “She plays with her toys at home.”
- ในการบอกเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตามการฝึก:
- “I exercise every morning.”-
Hello! Can I help you? I would like to buy a book. How much is this book? That’s too expensive. I’ll take this one
I help you? I wouldHello! Can like to buy a book. How much is this book? That’s too expensive. I’ll take this one.
I’m looking for a book about animals, something fun for me to read. Can you help me find one?
Sure, I have a book about animals. Look at the cover, it has pictures of all kinds of animals. Do you like this one?
Yes, I like this one. It’s about the jungle and all the animals that live there. How much does it cost?
It’s $10. Is that okay with you?
Yes, $10 is fine. I’ll take it.
Great! Here you go. Is there anything else you need?
No, that’s all. Thank you for your help!
You’re welcome! Enjoy your book!
การจ่ายเงินและลาครับ
หน้าแรก: นำเสนอสถานการณ์
พนักงานร้าน: “Hello! How can I help you today?”
เด็ก: “I would like to buy this book.”
พนักงานร้าน: “That’s a great choice! How much is it?”
เด็ก: “It’s $10.”
พนักงานร้าน: “That’s a little expensive, but we have a special discount today. It will be $8.”
เด็ก: “Okay, I’ll take it.”
หน้าที่ 2: การจ่ายเงิน
เด็ก: “Here is my money.”
พนักงานร้าน: “Thank you. Here is your change, $2.”
หน้าที่ 3: ลาครับ
เด็ก: “Thank you very much!”
พนักงานร้าน: “You’re welcome! Have a great day!”
เด็ก: “Bye!”
พนักงานร้าน: “Bye!”
หน้าที่ 4: รายละเอียดการซื้อของ
เด็ก: “I bought a book today. The book is $8 and I gave the cashier $10. The cashier gave me $2 back.”
หน้าที่ 5: การประยุกต์ใช้คำศัพท์
เด็ก: “I said ‘Hello’, ‘Thank you’, ‘How much is it?’ and ‘Bye’.”
หน้าที่ 6: การประยุกต์ใช้คำศัพท์สุดท้าย
เด็ก: “I can use these words to buy things at the store.”
หน้าที่ 7: การจ่ายเงินและลาครับอีกครั้ง
เด็ก: “I bought a toy. It’s $5. I gave the cashier $10 and got $5 back. I said ‘Hello’, ‘Thank you’, ‘How much is it?’ and ‘Bye’.”
พนักงานร้าน: “That was a great transaction!”
เด็ก: “Thank you!”
พนักงานร้าน: “You did a great job!”
เด็ก: “Bye!”
ประยุกต์ใช้คำศัพท์สุดท้าย
การจ่ายเงินและลาครับ
หน้าแรก: นำเสนอสถานการณ์
อาจารย์: วันนี้เราจะเรียนเกี่ยวกับการจ่ายเงินและลาครับ! คุณทราบว่าเราจะทำอะไรหรือไม่?
เด็ก 1: จ่ายเงิน!
อาจารย์: น่าจะเป็น! บ้านเรามีหนังสือมากมาย แต่คราวนี้เราจะไปซื้อหนังสือใหม่เพื่อเรียนเพิ่มเติมนะว่า?
เด็ก 2: หนังสือเรียน!
อาจารย์: อันที่จะเราจะจัดหาสิ่งต่างๆก่อนที่จะเข้าไปซื้อหรือไหม?
หน้าที่ 2: รายชื่อสิ่งต้องการ
อาจารย์: ดีเด่น! อันที่จะเราจะจัดหาสิ่งต่างๆก่อนเดินทางไปซื้อหนังสือได้คือ:
- บัตรประชาชน (ID card)
- แฟ้มเงิน (money)
- กระเป๋าที่สะดวก (a bag)
- ปากกา (a pen)
หน้าที่ 3: รายละเอียดการซื้อของ
อาจารย์: อันที่จะเราจะต้องจำในภาษาอังกฤษก่อนที่จะเข้าไปซื้อหรือไหม?
อาจารย์: นี่เป็นบางคำศัพท์ที่เราจะใช้:
- “Hello” (สวัสดี)
- “Can I help you?” (คุณต้องการบริการใดไหม?)
- “I would like…” (ฉันอยากซื้อ…)
- “How much is this?” (นี้มีราคาเท่าไหร่?)
- “That’s too expensive.” (นี่เกินราคามาก)
- “I’ll take this one.” (ฉันจะเลือกนี้)
หน้าที่ 4: การประยุกต์ใช้คำศัพท์
อาจารย์: ลองบอกเรื่องเล็กๆกับเพื่อนๆว่าเราจะทำอะไรและจะใช้คำศัพท์อะไรเมื่อเราไปซื้อหนังสือ:
เด็ก 1: “Hello! Can I help you? I would like to buy a book. How much is this book? That’s too expensive. I’ll take this one.”
อาจารย์: ดีเด่น! แล้วเราจะมาถึงหน้าที่หลังของการซื้อของแล้วว่า?
หน้าที่ 5: การจ่ายเงินและลาครับ
อาจารย์: หลังจากที่เราเลือกหนังสือแล้ว คุณจะต้องจ่ายเงินกับพนักงานร
Thank you! Here is my money. Goodbye!
บ้านเรามีหนังสือมากมาย แต่คราวนี้เราจะไปซื้อหนังสือใหม่เพื่อเรียนเพิ่มเติมนะว่า?
เด็ก 1: หนังสือ!
อาจารย์: น่าจะเป็น! บ้านเรามีหนังสือเรียน หนังสือตูน และหนังสือที่เรียนเพิ่มเติม! อันที่จะเราจะไปซื้อหนังสือไหม?
เด็ก 2: หนังสือเรียน!
อาจารย์: ดีเด่น! แล้วเราต้องจัดหาสิ่งต่างๆก่อนที่จะเดินทางไปซื้อหรือไหม?
อาจารย์: ดังนั้น เราจะต้องจัดหาหนังสือและเงินเพื่อจ่าย! รวมไปถึงกระเป๋าที่สะดวกที่เราจะใช้เพื่อเอาหนังสือที่เราซื้อไปกับเรา!
เด็ก 3: กระเป๋า!
อาจารย์: ดีเด่น! แล้วเราจะต้องจัดหาบัตรประชาชนของเราเพื่อที่จะสามารถซื้อหนังสือได้!
เด็ก 4: บัตรประชาชน!
อาจารย์: แล้วเราจะจัดหาปากกาด้วย เพราะเราจะต้องเขียนบันทึกหรือเขียนข้อความบนหนังสือ!
เด็ก 5: ปากกา!
อาจารย์: แล้ว คุณพึงจำไว้ว่าเมื่อเราไปซื้อหนังสือ คุณจะต้องบอกคำศัพท์ดังนี้:
- “Hello” (สวัสดี)
- “Can I help you?” (คุณต้องการบริการใดไหม?)
- “I would like…” (ฉันอยากซื้อ…)
- “How much is this?” (นี้มีราคาเท่าไหร่?)
- “That’s too expensive.” (นี่เกินราคามาก)
- “I’ll take this one.” (ฉันจะเลือกนี้)
เด็ก 1: ฉันจะบอกเรื่องนี้!
อาจารย์: ดีเด่น! ลองบอกเรื่องเล็กๆกับเพื่อนๆว่าเราจะทำอะไรและจะใช้คำศัพท์อะไรเมื่อเราไปซื้อหนังสือ:
เด็ก 1: “Hello! Can I help you? I would like to buy a book. How much is this book? That’s too expensive. I’ll take this one.”
อาจารย์: ดีเด่น! แล้วเราจะมาถึงหน้าที่หลังของการซื้อของแล้